"ASIA PLUS" สรุปภาพรวม "ตลาดหุ้นปี 66" เศรษฐกิจไทยเติบโตกว่าเศรษฐกิจโลก 3.8%

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) ในกลุ่มบริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)  ประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วง 1Q 66 ยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ การเติบโตของกำไรบริษัทฯ Fund Flow แต่แนวโน้มดอกเบี้ยฯขาขึ้น ภาษีขายหุ้นและความผันผวนของ DELTA อาจเป็นปัจจัยที่จำกัด Upside ประเมินเป้าหมายดัชนีปีนี้อยู่ที่ 1,667-1,740 จุด

คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม กล่าวว่าในช่วง 1065 ตลาดหุ้น ไทยจะอยู่ในช่วงการปรับขึ้นโดยมี 4 ปัจจัยสนับสนุน 1) ภาพรวมเศรษฐกิจไทยถือว่าเติบโตโดดเด่นกว่าเศรษฐกิจโลก โดยคาด GDP Growth 66F ของไทยขยายตัว 3.8% มากกว่าเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวเพียง 2.6% 2) กำไรบริษัทจด ทะเบียนปี 2566 คาดอยู่ที่ 1.27 ล้านล้านบาท คิดเป็น EPS ที่ 99.2 บาท/หุ้น เติบโต 6% คาดเติบโตได้ถึง 11.7% และ 3) ทิศทาง Fund Flow ที่มีแนวโน้มไหลเข้าจากค่าเงินบาทเสถียรภาพของเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า ตามดุลบัญชีเดินสะพัดและทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และ 4) ความ คาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายใหม่ๆ ยามเข้าใกล้ช่วงเลือกตั้ง ซึ่งจากสถิติในอดีตนับจาก 2544-2562 พบว่าก่อนการ เลือกตั้ง 3 เดือน SET Index ให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 3.9%

.อย่างไรก็ตามยังมี 4 ปัจจัยที่เป็นตัวจำกัดการขึ้นของ SET Index เริ่มจาก 1) ความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ ยุโรปที่มีโอกาสสูงที่เข้าสู่ภาวะ Recession สะท้อนจาก Bloomberg Consensus คาดโอกาสในยุโรปมากถึง 80% และสหรัฐฯ 65%  2) การขึ้นดอกเบี้ยฯ ของ กนง. ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนในตลาดหุ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรแคบลง และจะปรับขึ้นดอกเบี้ยฯ ในปีนี้ไม่เกิน 2 ครั้งจากปัจจุบันอยู่ที่ 1.25% 3) การเก็บภาษีขายหุ้นที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้น 2066 ซึ่งน่าจะกระทบต่อทิศทางตลาดช่วงปรับ สมดุลโดยเฉพาะช่วงก่อนเก็บภาษีจริง และ 4) ความผันผวนของ DELTA ที่อาจกลับมาสร้างแรงกดดันต่อตลาด หลังจากปรับขึ้นตั้งแต่ พ.ย.65 ถึงปัจจุบัน 45% จนระดับ PER 66F ขึ้นมาสูงถึง 64 เท่า  ถือเป็นระดับที่ยากจะอธิบายในมุมปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งทุกๆ การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น DELTA 1% กระทบ SET Index 0.85 จุด

ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมข้างต้นทำให้ SET Index ในช่วง 1066 ปรับขึ้นได้โดยประเมินเป้าหมายดัชนี บนสมมติฐาน Market Earning Yield Gap ที่ 4.2% EPS ที่ 99.2 บาท/หุ้น และคาดดอกเบี้ยฯ ปีนี้อยู่ที่ระดับ 1.50% - 1.75% จะทำ ให้เป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,677-1,740 จุด แต่อย่างไรก็ตามการขึ้นเป็นระดับดังกล่าวต้องระวังขายทำกำไร โดย กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นกำไรมีแนวโน้มเติบโตที่กระจายบน 3 Theme การลงทุน 1) Domestic Consumption: STEC, COM7, GULF 2). China Play: AOT 3). Dividend Play: AP, ASK

ทีมกลยุทธ์ต่างประเทศ ยังคงมองว่าเศรษฐกิจจีนเห็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ การยกเลิก มาตการ Zero Covid เร็วกว่าที่คาด และนักวิเคราะห์ ต่างปรับประมาณการณ์จีน GDP อยู่ที่ 4.9% และ 5.3% ในปี 2023 และ 2024 จากผู้ตรวจสอบนอกประเทศจีน ทำให้หุ้นที่อยู่ในธีมเปิดเมือง กลุ่ม อสังหาฯ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีผลตอบแทนที่โดดเด่นและน่าลงทุนที่สุดในไตรมาสนี้

ในส่วนของสหรัฐถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้วแต่ก็ยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของ FED ที่ 2% อยู่มาก ซึ่งยังคงต้องจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจที่จะกระทบเงินเฟ้ออย่างตัวเลขการจ้างงานและค่าแรง โดยมองตราสารหนี้โดด เด่น ตามด้วยกลุ่ม Defensive อย่าง Utilities, Consumer Staples โดยเฉพาะ กลุ่ม Healthcare


#ASIAPLUS #เอเชียพลัส #ตลาดหุ้นไทย #ข่าวประจำวัน #ข่าวประชาสัมพันธ์ #ธุรกิจความสุข #HappyBusiness